วันเสาร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2552

จากคุณKuKoy

Comment : ตุ๊กตาไล่ฝน จากคุณKuKoy
หนังสือเล่มโปรด
ทั้งหมดของ ฮารุกิ มุราคามิ, มิเกะเนโกะ โฮล์ม แมวสามสียอดนักสืบ ตุ๊กตาไล่ฝนของศักดา สาแก้ว
ได้รางวัลวรรณกรรมยอดเยี่ยม young thai artist award
อันนี้อ่านจบแล้วกินพาราไปสองเม็ด...สุดยอด
ที่มา
http://www.hi5.com/friend/p208276246--KuKoy_Suthatip--html ขอบคุณมากครับ

จากคุณจิ๊กโก๊

Comments : ตุ๊กตาไล่ฝน จากคุณจิ๊กโก๋
วันหยุดอ่านหนังสือจบไป ๑ เรื่อง
เศร้ามากลองไปอ่านดูนะคะ "เรื่องตุ๊กตาไล่ฝน" ของศักดา สาแก้วเวลา
• 31 มกรา 2552 - 12:42
Link ที่มา http://www.webblogme.com/forum/quote.php?id=538&a=15439&pg=6 ขอบคุณมากครับ

จากคุณจิ้นส้ม

Comment : ตุ๊กตาไล่ฝน จากคุณจิ๊นส้ม
ตุ๊กตาไล่ฝน"เปียกปอนความปวดร้าว หนาวสั่นความเดียวดาย"

วรรณกรรมเรื่องนี้ ทำให้ผม
....รู้สึกสงสารตัวละครอย่างสุดซึ้งทำให้ผม....รู้สึกเหงาจนจับใจอย่างบอกไม่ถูกทำให้ผม....รู้ซึ้งถึงการไม่มีใครทำให้ผม....เข้าใจแล้วว่า สิ่งที่เราเห็น อาจไม่เป็นอย่างที่เราคิดทำให้ผม....คาดเดาเหตุการณ์ี่ที่จะเกิดขึ้น ไม่เคยถูกเลยทำให้ผม....อุทานออกมา ด้วยความคาดไม่ถึง เกือบตลอดทั้งเรื่องทำให้ผม....กลัว จนต้องละหนังสือเพื่อรีบเข้านอนทำให้ผม....ซึ่งเป็นคนสมาธิสั้น อ่านจนวางไม่ลงทำให้ผม....หลุดเข้าไปในเรื่อง ด้วยเพราะพรรณาโวหารของผู้เขียนทำให้ผม....ประทับใจการอุปมาอุปไมยของผู้เขียน ซึ่งแทรกซ่อนอยู่ทั้งเรื่องทำให้ผม....แปลกใจว่า นี่คนไทยเป็นผู้เขียนหรือทำให้ผม.....อยากให้เพื่อนๆได้ลองอ่าน
Link ที่มา http://csawseen.spaces.live.com/blog/cns!C313BDA010C93E49!387.entryขอบคุณมากครับ

จากคุณพี่พร

Comments : ตุ๊กตาไล่ฝน จากคุณพี่พร
ปกติแล้วผมไม่สันทัดในเรื่องการอ่านนิยายสักเท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่หมกมุ่นอยู่กับหนังสือแนวประสบการณ์ชีวิต วิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ โดยเฉพาะฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ (น้อยมากที่ผมจะอ่านหนังสือเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์) แต่ก็ใช่ว่าจะไม่หยิบจับนวนิยายมาพิจารณาเสียเลยทีเดียว นิยายเล่มที่ทำให้ผมติดงอมแงมสมัยเรียนมัธยมคือ “ผู้ใหญ่ลีกับนางมา” หนังสือปกสีดำเล่มนั้น มันสนุกเป็นบ้า แต่ถ้าอยากจะสนุกเกินบ้าต้อง “พันธุ์หมาบ้า” ของ ชาติ กอบจิตติ
สิ่งที่ทำให้ผมไม่ค่อยอ่านนิยาย คงจะเห็นอารมณ์จินตนาการอันไม่มีที่สิ้นสุดของนิยายกระมัง ที่มันทำให้เกิดความรู้สึกจินตนาการเกินจริงเกินไป บางทีทำให้หลุดออกจากโลกแห่งความเป็นจริงไปเลยทีเดียว หรือบางเรื่องจงใจให้เราจินตนาการความกลัวไปมากมายเกินกว่าเหตุ จึงเป็นความรู้สึกกลัวแล้วกลายเป็นไม่นำเอาเรื่องนิยายมาเป็นประเด็นหลักในการเลือกซื้อหนังสือของผม แต่มันก็ไม่เสมอไป
“ตุ๊กตาไล่ฝน” เป็นนิยายที่ผมตั้งใจจะซื้อมาเก็บไว้ เพื่อสาเหตุหลายๆ อย่าง อาจจะเป็นเพราะอยากจะเข้าไปสัมผัสอารมณ์ของ “อีปั๋งดำ” หรือ คนเขียน ว่ารุ่นน้องร่วมสาขาวิชาที่เรียนมาคนนี้ มองสังคม ชีวิต ในรูปแบบไหน ศักดา สาแก้ว เจ้าของหนังสือ เป็นรุ่นน้องที่เรียนมาด้วยกัน ความเฮฮา บ้าบอคอแตก ตามประสาความเป็นนิเทศศาสตร์ สื่อสารมวลชนของเขาคนนี้ มันเกินจริงอยู่แล้ว และเมื่อใดก็ตามที่ได้รวมเป็นแก๊งค์ “ปั๋ง เมย์ เดียร์” (เพื่อนบ้าอีกสองคน) ความฮาสุดขั้วสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาแด่คนรอบข้าง
แต่พอผลงานของ “ปั๋ง” มาอยู่ในนิยายที่ เศร้า เครียด และไร้ทางออก อย่าง “ตุ๊กตาไล่ฝน” มันกลับทำให้ผมได้เห็นชายผู้นี้อีกรูปแบบ
ผู้เขียนบอกเอาไว้ว่า ส่วนหนึ่งของหนังสือ ได้เขียนมาจากชีวิตจริง มันยิ่งทำให้ผู้อ่านอย่างผมเห็นภาพแห่งความโหดร้ายเหล่านั้นได้อีกเป็นเท่าทวีคูณ และไม่แปลกใจว่าทำไมนิยายเรื่องนี้ได้รางวัลยอดเยี่ยม Young Thai Artist Award ประจำปี 2006 โดย มูลนิธิซีเมนต์ไทย
ฝนที่ตกตลอดเล่ม จากหน้าแรกที่เริ่มเรื่อง จนหน้าสุดท้าย เป็นสิ่งบ่งบอกอย่างหนึ่งว่า “ตุ๊กตาไล่ฝน” หรือที่ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า “เทะรุเทะรุโบซุ” นั้น ไม่สามารถนำพาแสงแดดมาให้ “ไหม” ได้ ฝนจึงตกอยู่ตลอดเวลา หรือบางที แม่ของ “ไหม” อาจจะแขวน “ตุ๊กตาไล่ฝน” กลับหัวไว้ที่ไหนสักแห่งในบ้าน
ผมปิดหน้าสุดท้ายของหนังสือลง พร้อมกับเสียงฝนที่สาดกระหน่ำอยู่ด้านนอก ตาค้างนอนไม่หลับไปอีกหลายชั่วโมง
Link ที่มา
http://www.thaicss.com/tags/ตุ๊กตาไล่ฝน/ขอบคุณมากครับ

จากคุณPeTE

Comments : ตุ๊กตาไล่ฝน จากคุณ PeTE
"ถ้าน้ำตาเป็นเหมือนฝนที่ไหลออกจากตา
ตุ๊กตาไล่ฝน จะทำให้น้ำตาหยุดไหลได้มั๊ยนะ ... ?"
ไหม เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่โชคร้าย เกิดมาพร้อมกับขาซ้ายที่ลีบแบนจากฃโรคโปลิโอ ผสมกับความอ่อนแอทางร่างกาย ที่จะป่วยทุกครั้งที่โดนฝนตก
ความลำบากทางร่างกายสำหรับไหม อาจจะเป็นเรื่องเล็ก ถ้าเทียบกับความลำบากทางจิตใจ ไหม ต้องเผชิญหน้ากับการถูกปฏิเสธ ไหมถูกปฏิเสธจากเพื่อนร่วมชั้น จากความพิการ ไม่มีใครอยากให้เธอเข้ากลุ่ม ไม่มีใครอยากเป็นเพื่อน ที่ต้องคอยช่วยเหลือคนพิการเช่นเธอ ถูกปฏิเสธที่จะได้รีับความสนใจในนิัสัย ใจคอของตัวเธอ จากคนรอบข้างที่พบเจอเธอ ทุกครั้งที่เจอคนแปลกหน้า ความรู้สึกที่คนเหล่านั้นมีต่อเธอก็แค่ "น่าสงสารจัง ดูขาเขาสิ"
ซึ่งก็อาจจะพูดได้ว่า ไหมถูกปฏิเสธที่จะได้เป็น "เด็กผู้หญิงธรรมดา" เด็กผู้หญิงธรรมดา ที่จะได้รับความรักจากพ่อแม่ ความเอ็นดูที่จะได้รับจากผู้ใหญ่ มิตรภาพของเพื่อนวัยเดียวกัน
การถูกปฏิเสธ นำมาซึ่งความโศกเศร้าในหัวใจของไหม ทำให้ความโศกเศร้าเป็นสิ่งที่นำพาเด็กหญิงคนนี้แทนที่จะเป็น ความสดใสที่คอยนำพาเด็กคนอื่นๆอีกหลายคน
เรื่องของ ไหม ในนิยายตุ๊กตาไล่ฝน ถูกบรรยายผ่านมุมของมอง ไหมเองโดย คุณศักดา สาแก้ว นักเขียนรางวัลยอดเยี่ยม สาขาวรรณกรรม จากการประกวดรางวัลศิลปะเพื่อเยาวชนไทยปี 2549
สำนวนภาษาของคุณศักดา ทำให้ผู้อ่านสามารถเห็นภาพต่างๆในเรื่องได้ชัดเจน การวางโครงเรื่องก็ทำให้เรารู้สึกถึงความโศกเศร้าที่เพิ่มขึ้น ตลอดทุกหน้าที่เนื้อเรื่องดำเนินไป บอกได้เลยว่า คนที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้จะแทบไม่ได้หยุดพัก เพื่อที่จะลดความรู้สึกโศกเศร้าเลยแม้แต่น้อย เหมือนกับฝนที่ตกหนักขึ้น หนักขึ้น เกิดความรู้เศร้าได้อีก และได้อีก สมกับคำโปรยหนังสือที่ว่า "เปียกปอนความปวดร้าว หนาวสั่นความเดียวดาย"
ตุ๊กตาไล่ฝน จึงเ้ป็นนิยายที่เหมาะำสำหรับผู้อ่านที่อยากลองท้าทายกับความเศร้า
ที่ไหนกัน ที่ความเศร้าจะนำพาไหมไป ?
บอกได้เลยว่า ถึงจะมีหลายครั้งที่ความเศร้า เป็นต้นเหตุของเรื่องเศร้า แต่ เรื่องที่เศร้าที่สุดไม่ได้เิกิดจากความเศร้าหรอกนะ ...
ปล. หนังสือเล่มนี้อาจไม่เหมาะกับเยาวชน และคนที่กำลังเผชิญกับความเศร้าเท่าไหร่หรอกนะ - -a อย่างน้อยสำหรับพีท แล้วมันก็เป็นนิยายที่เศร้าที่สุดเท่าที่เคยได้อ่าน
Link ที่มา
http://0ng-0ngz.hi5.com/friend/profile/displayJournalDetail.do?ownerId=2942980&journalId=50614782 ขอบคุณมากครับ

จากคุณseptember29

Comments : ตุ๊กตาไล่ฝน จากคุณ september29
"ตุ๊กตาไล่ฝน"
เป็นหนังสือที่ได้รับรางวัลยอดเยี่ยม
จาก Young Thai Artist Award
โดย มูลนิธิซิเมนต์ไทย
เป็นหนังสือดี ๆ อีกเล่ม ที่ฉันอ่านต่อจาก "ดั่งฝนโปรยไฟ"
ซึ่งได้รับรางวัลจากโครงการเดียวกันนี้
ซึ่งบอกได้ว่า แค่เริ่มอ่านหน้าแรก ๆ ก็สัมผัสได้ถึงความรวดร้าวในดวงใจ
เป็นอีกเล่มที่ฉันบอกตัวเองว่า
ฉันคงอ่านไป ร้องไห้ไปเป็นแน่แท้
คำโปรยปกหน้า ต่อจากชื่อเรื่อง
เขาเขียนไว้ว่า
"เปียกปอนความปวดร้าว หนาวสั่นความเดียวดาย"
โอ....ตัวหนังสือแค่ไม่กี่ตัวอักษร
ก็สัมผัสได้ถึงความรวดร้าวที่คนเขียนต้องการสื่อแล้ว
เป็นอีกเล่มที่ฉันอยากแนะนำให้คนรักการอ่านได้อ่าน
แล้วจะรู้ว่า ทำไม หนังสือบางเล่ม จากเรื่องราวบางเรื่อง
คนเขียน เขียนออกมาแล้ว ได้รับรางวัล

Link ที่มา
http://september29.exteen.com/20080309/entry ขอบคุณมากครับ

จากคุณม่านฟ้า

Comments : ตุ๊กตาไล่ฝน จากคุณ ม่านฟ้า
อ่านรวดเดียวจบตั้งแต่เมื่อคืนพร้อมที่จะฟังความเห็นของดิฉันรึยังคะ แหะๆ ^__^ยาวหน่อยนะคะ แต่อย่างน้อยคิดว่า คงมีเจ้าของงานเขียนคนนึงล่ะ ที่จะอ่านกระทู้นี้จนจบต้องยอมรับว่า ขณะกำลังอ่าน หลายส่วนหลายตอนของปัญหาในชีวิตครอบครัวของไหม ทำให้อดหวนนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตของครอบครัวตัวเองไม่ได้ อย่างความรู้สึกของไหมต่อต้นลั่นทม ก็บังเอิญไปพ้องกับต้นดอกคริสต์มาสที่เมื่อก่อน บ้านหลังเก่าเคยปลูกไว้หน้าประตูบ้าน สีสันแดงอมชมพูของมันสวยดี แต่เคยมีแขกของที่บ้านทักครั้งหนึ่งว่า ต้นดอกคริสต์มาสเขาว่าไม่ควรจะเอามาปลูกไว้ในบ้าน เพราะมันจะทำให้บ้านห่าง ตอนนั้นยังเด็กไม่รู้ความหมายของคำนี้ คนทักจึงขยายความว่า จะทำให้บ้านไม่มีใครอยู่ สมาชิกพลัดพราก แตกแยกกันไป ได้ยินอย่างนั้นก็ทำเอาใจแป้ว แต่ไม่ได้คิดว่า ไม่นานหลังจากนั้น บ้านจะห่างจริงๆมาจนถึงทุกวันนี้ ตอนเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้น เคยคิดเหมือนกันว่าทุกอย่างมันอาจจะเป็นเพราะต้นดอกคริสต์มาส ตั้งแต่ออกมาจากบ้านหลังนั้นมาจนถึงวันนี้ก็ไม่เคยกลับไปเหยียบที่นั่นอีกเลยณ ตอนนี้ ถึงจะเป็นสายตาของคนที่โตแล้ว หันกลับไปมองเรื่องราวในอดีตของตัวเอง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า การล่มสลายของครอบครัว มีผลอันใหญ่หลวงที่หล่อหลอมความเป็นเราในทุกวันนี้ (ทั้งยังทิ้งหลุมดำในหัวใจที่แม้ขณะนี้ก็ยังขจัดไปไม่ได้)เหมือนอย่างที่มันได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของแรงบันดาลใจให้คุณแต่งหนังสือเรื่องนี้โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับไหม ที่ผลักดันให้เด็กหญิงขาซ้ายพิการอายุสิบห้าต้องเผชิญชะตากรรมต่างๆอย่างเดียวดายและทำการตัดสินใจทำสิ่งต่างๆด้วยตัวของเธอเอง มีน้ำหนักของความเป็นไปได้และสมจริงอยู่มาก โดยส่วนตัวแล้วเชื่อว่าในความเป็นจริงปัญหาต่างๆมากมายในสังคมและในตัวของมนุษย์เองสามารถสั่งสมเป็นผลิตผลแห่งชะตากรรมตลกร้ายให้กระทบกับชีวิตของใครอื่นได้มากมาย พูดตรงๆก็คือ เชื่อว่ามันโหดร้ายได้มากกว่าในนิยายซะอีก ชอบวิธีการนำเสนอของคุณศักดา ที่ใช้วิธีการเขียนซ่อนปมบางอย่างไว้ในจิตสำนึกของตัวละครหลักที่ทำหน้าที่เล่าเรื่องอย่างไหม แล้วค่อยๆเปิดเผยถึงรายละเอียดเชิงลึก ขณะเรื่องดำเนินมาถึงครึ่งหลังอย่างเข้มข้น จนทำให้วางไม่ลง เพียงแต่บางช่วงรู้สึกว่า การมาเล่าย้อนความรู้สึกถึงเหตุการณ์ที่เนื้อหาผ่านไปนานแล้วทำให้รู้สึกขาดความต่อเนื่องของอารมณ์ อย่างเช่น เหตุการณ์แย่งแมวกับแจง เพื่อนร่วมชั้น สร้างความเจ็บปวดให้ไหมเป็นอย่างมาก แต่แทนที่จะกระแทกอารมณ์คนอ่านให้รู้สึกเจ็บปวดไปกับไหมถึงขีดสุด พอที่จะให้เชื่อว่าเป็นแรงผลักให้ตัวละครทำอะไรก็ได้ แต่อารมณ์กลับไปไม่ถึง มารับรู้ภายหลังว่าเหตุการณ์มีมากกว่านั้น ทำให้ต้องทบทวนกันอีกรอบ และเป็นการทำความเข้าใจมากกว่าจะมีอารมณ์ร่วมไปกับตัวละครด้วย ทำให้รู้สึกเสียดายกับอรรถรสในการเสพย์ตรงนี้ หรือเหตุการณ์เลวร้ายที่ไหมมาเล่าให้แม่ฟังภายหลังก็ขาดแรงผลักอารมณ์ให้ประทุก่อนถึงจุดที่ต้องเล่าอีกส่วนหนึ่งที่รู้สึกเสียดายก็คือ แม้ปัญหาต่างๆและปัจจัยแวดล้อมในชีวิตของไหมจะเป็นเหตุเป็นผลกันอยู่ แต่รายละเอียดที่มาของพฤติกรรมเลวร้ายของคนรอบข้าง ค่อนข้างจะหละหลวมเกินไป อย่างเช่นสาเหตุความร้ายกาจของแจง สาเหตุการละเลยเอาใจใส่ของคุณครูในโรงเรียน(ซึ่งดูจะมีบทบาทน้อยมาก)กับชีวิตของเด็กหญิงพิการคนหนึ่ง ความฉลาดเกินตัวของน้องสาวที่ชื่อแก้ว เช่นการตั้งคำถามกับพี่สาวว่า ตุ๊กตาไล่ฝนสามารถขับไล่น้ำตาเหมือนกับที่ไล่สายฝนได้หรือไม่ ดูจะเกินความคิดของเด็กหญิงอายุสี่ห้าขวบ (กระทั่งความช่างคิดช่างสังเกตของไหมเองก็ตาม เช่นรู้จักเปรียบเทียบเอาความเหงามาเป็นเพื่อน รู้จักคำว่าเดียวดาย ก็ขาดที่มา) จึงทำให้ความร้ายกาจของคนอื่นๆที่ไม่ใช่คนในครอบครัว ดูจะเป็นการกลั่นแกล้งของโชคชะตา หรือเป็นความซวยเสียมากกว่าจะสะท้อนให้เห็นปัญหาซับซ้อนของสังคมที่คนทั่วไปอาจจะมองไม่เห็นแต่นักเขียนหรือกวีสามารถนำเสนอแนวคิดของตนเองผ่านงานวรรณกรรมตรงนี้ได้ หรือจะพูดให้เห็นภาพคือคล้ายกับบรรยากาศ ตัวอิจฉากลั่นแกล้งนางเอกในละครทีวีมากกว่า และเป็นความรู้สึกเดียวกัน ที่ตัวละครลูกอย่างไหมกับแก้ว พูดจา คะ ค่ะ กับคนรอบข้างซึ่งดูจะไม่ใช่วิธีการพูดแบบธรรมชาติกับคนสนิทของเด็กๆที่มีฐานะระดับชนชั้นกลางระดับล่าง จึงทำให้ตัวละครต่างๆลดความน่าเชื่อถือลงไปพอสมควร ยังไงก็ตามทั้งหมดนี้เป็นเพียงความเห็นของคนอ่านคนหนึ่ง ที่อ่านหนังสือมาเพียงหยิบมือ ขอให้คุณศักดาฟังความเห็นของหลายๆฝ่ายแล้วค่อยเอามาพิจารณาปรับปรุงแก้ไขผลงานต่อๆไปของคุณให้ดียิ่งๆขึ้น ท้ายนี้ขอแสดงความดีใจกับคุณศักดาด้วยนะคะ ที่ได้ทำความฝันสำเร็จไปขั้นหนึ่งแล้ว และขอเป็นกำลังใจให้คุณเขียนงานที่ดีขึ้นไปอีกและพัฒนางานเขียนให้เพิ่มความคับคุณภาพยิ่งขึ้นไปอีกในผลงานชิ้นต่อๆไปอย่างต่อเนื่องค่ะ
Link ที่มา
http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K6425718/K6425718.html ขอบคุณมากครับ